ยุคหลัง Covid-19 พี่กล้วยเห็นหลายบริษัทที่หมดสัญญาเช่าออฟฟิศรายปี เริ่มหันมาสนใจเช่า Co-Working Space เป็นพื้นที่นั่งทำงานกันมากขึ้น ด้วยหลายเหตุผลที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่าย ความยืดหยุ่น และบริการต่างๆที่ครบครัน พี่กล้วยจึงได้ไปเซอร์เวย์ รวบรวมข้อดีของ Co-Working Space มาฝากคนที่กำลังตัดสินใจกันอยู่ แถมมีตัวอย่าง Co-Working Space ดีๆ มาแนะนำเป็นทางเลือกใหม่ให้กับทุกคนด้วยนะ
1. ประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลักหมื่นต่อเดือน
แน่นอนว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้หลายบริษัทต้องรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และเมื่อได้ลอง Work from Home แล้วพบว่าประสิทธิภาพของงานไม่ได้ลดลง หลายบริษัทจึงอยากลดวันเข้าออฟฟิศ อาจจะเหลืออาทิตย์ละครั้ง เดือนละ 2-3 ครั้ง หรือบางวันก็เข้าประชุมเป็นบางทีมเท่านั้น ความยืดหยุ่นของ Co-working Space จึงตอบโจทย์ เพราะสามารถเช่าเป็นรายวันได้ ไม่ต้องเสียค่าเช่ารายเดือนไปเปล่าๆ และยังสามารถเลือกขนาดห้องเล็ก-ใหญ่ได้ตามการใช้งานของแต่ละวัน
สมมติว่าบริษัทของเพื่อนๆ มีพนักงานประมาณ 10 - 15 คน และจัดให้เข้าออฟฟิศอาทิตย์ละครั้ง หากเช่า Co-working Space ใจกลางเมือง รวมใน 1 เดือนค่าเช่าจะตกอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท เมื่อเทียบกับค่าเช่าออฟฟิศรายเดือน ที่ความจุประมาณนี้ ในโลเคชั่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็มีราคา 50,000 บาทขึ้นไป ดังนั้นการลดวันเข้าออฟฟิศและหันมาใช้ Co-working Space จึงประหยัดค่าเช่าไปได้หลายหมื่นเลยค่ะ
พี่กล้วยแนะนำ
Play+work Co-Working Space
พิกัด: BTS ศาลาแดง - 130 เมตร, MRT สีลม 120 เมตร
Play+work Co-Working Space (เล่นงานโคเวิร์กกิ้งสเปซ) สเปซนั่งทำงานทำเลทอง ใกล้ BTS ศาลาแดง และ MRT สีลม เพียง 100 กว่าเมตร! แถมมาในราคาย่อมเยาสุดๆ โดยห้องทำงานส่วนตัวสำหรับ 12 ท่าน ราคาเพียง 2,000 บาท/วันเท่านั้นเอง ส่วนบริษัทที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพราะที่นี่จุได้สูงสุด 30 คนสำหรับการจัดที่นั่งแบบโต๊ะทำงาน (จุสูงสุด 40 คนสำหรับการจัดแบบเธียเตอร์)
บรรยากาศของ Play+work Co-Working Space ถูกใจคนรุ่นใหม่มากๆ เพราะเหมือนได้นั่งทำงานในคาเฟ่สบายๆ ด้วยการตกแต่งสไตล์ลอฟต์ โปร่ง โล่ง ประดับด้วยต้นไม้สีเขียวให้สบายตา และภายในมีร้านกาแฟให้บริการ ไม่ต้องเดินไปไหนไกล เค้ามีเสิร์ฟทั้งกาแฟดริป กาแฟสด โกโก้ชงสด สมูทตี้ ฯลฯ ส่วนเรื่องอาหารการกินนี่จะสั่งเดลิเวอรี่มานั่งทานข้างในก็ได้ ไม่เสียค่านำเข้า หรือจะออกไปหาซื้อรอบๆก็มีหลายร้าน ทั้งสตรีทฟู้ด ฟาสต์ฟู้ด พี่กล้วยว่าบริษัทไหนได้มาทำงานที่นี่ก็แฮปปี้อะ
2. โลเคชั่นดี พนักงานมีความสุข
พิกัดของ Co-working Space ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ BTS หรือ MRT โซนชั้นในกรุงเทพฯ จึงเดินทางสะดวก ลดความเหนื่อยและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพนักงานได้มาก แถมอาหารการกินก็หาทานง่าย ใกล้แหล่งแฮงเอาต์หลังเลิกงาน ซึ่งพี่กล้วยว่าที่ตั้งของออฟฟิศที่ดีและอุดมสมบูรณ์เนี่ยมีผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานมากๆเลยนะ ว่ามั้ย
พี่กล้วยแนะนำ
Event Banana Space
พิกัด: สยามสแควร์วัน
ถ้าจะพูดถึง Co-working Space โลเคชั่นดี หาง่าย ใกล้ BTS พี่กล้วยต้องขอยกให้ Event Banana Space เลย เพราะเค้าอยู่ในตึกสยามสแควร์วัน ติด BTS สยาม เป็นแหล่งแฮงเอาต์ แหล่งกิน แหล่งช็อป ที่ใครๆก็คุ้นเคยกันดี คือนอกจากโลเคชั่นจะทำให้พนักงานเดินทางสะดวกแล้ว มาทำงานที่นี่ยังรู้สึกแอคทีฟ ไม่น่าเบื่อ มีกำลังใจทำงานเพราะเลิกงานแล้วไปช็อปต่อได้ >< อาหาร ขนม ชานมอะไรก็หาทานง่าย มีตัวเลือกเยอะ สร้างความสุขในการทำงานแบบสุดๆไปเลย หรือถ้าเพื่อนๆไม่อยากเดินออกไปรอคิวเพื่อทานอาหาร จะสั่งข้าวกล่อง ขนม ชากาแฟ จาก Event Banana Catering เข้ามาทานข้างในก็ได้ เสิร์ฟให้ถึงที่แถมไม่เสียค่านำเข้าด้วยค่ะ
ห้องทำงานของที่นี่รองรับได้ตั้งแต่ 8 ท่าน ไปจนถึงห้องใหญ่ 25 ท่าน (จัดที่นั่งตามมาตรการเว้นระยะห่าง หรือ Social Distancing) มีการตกแต่งที่ทันสมัย โปร่งน่านั่ง เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้มีสีสัน ไม่จำเจ สามารถสร้างไอเดียสร้างสรรค์ได้ทั้งวันเลยล่ะ
3. เข้ากับการทำงานที่ยืดหยุ่นในปัจจุบัน
ทั้งเหตุการณ์ Covid-19 และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้หลายบริษัทไม่ได้กำหนดเวลาเข้า-ออกงานเป๊ะๆอีกต่อไป แต่เน้นที่ประสิทธิภาพของงานมากกว่า ดังนั้นบางวันอาจจะนัดกันมาติดตามงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วพนักงานบางคนอาจจะอยากออกไปนั่งร้านกาแฟ หรือกลับไปทำงานที่บ้านมากกว่า ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปเหล่านี้จึงทำให้ฟังก์ชั่นของ Co-working Space ตอบโจทย์นั่นเอง
4. บริการครบ ไม่มีเรื่องจุกจิกตามมา
ความจุกจิกที่มากับการเช่าออฟฟิศคือการต้องจ่ายบิลมากมาย ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ไหนจะต้องหาจ้างแม่บ้าน คอยซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ บริษัทไหนที่ไม่มีคนดูแลด้านนี้โดยตรงจะปวดหัวมากทีเดียว แต่การเช่า Co-working Space เราจ่ายเพียงค่าเช่าสถานที่ก็จบ เพราะเค้ามาพร้อมบริการทุกอย่าง ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต น้ำ ไฟ แม่บ้าน และยังมีอุปกรณ์จัดประชุมไว้ให้บริการ เช่น โปรเจคเตอร์ สาย HDMI ไวท์บอร์ด แถมบางที่ยังมีเครื่องปรินต์ เครื่องสแกนเอกสารไว้บริการอีกด้วยนะ
พี่กล้วยแนะนำ
U-691
พิกัด: BTS พระโขนง - 260 เมตร
ขยับมาที่ BTS พระโขนง เดินเพียง 260 เมตรก็จะพบกับ Co-working Space สุดชิคอย่าง U-691 ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยการตกแต่งเท่ๆ เหมาะกับการสร้างไอเดียสร้างสรรค์ และโลเคชั่นที่เดินทางสะดวกแล้ว เค้าก็ยังโดดเด่นด้วยบริการที่ครบครัน ทั้ง WiFi ความเร็วสูง, เครื่องปรินต์ เครื่องสแกนเอกสาร, ตู้กดน้ำดื่ม กาแฟ และสแน็คฟรี นอกจากนี้สำหรับพนักงานที่ขับรถมา ที่นี่ก็มีที่จอดรถที่สะดวกสบายและกว้างขวางเพียงพอค่ะ
ด้วยพื้นที่ที่มีถึง 2 ชั้น แบ่งออกเป็นหลายห้อง หลายขนาด U-691 จึงรองรับได้ทั้งบริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงการนัดประชุม หรือจะนัดลูกค้าก็ดูดี เพราะที่นี่เค้ามีล็อบบี้และพนักงานต้อนรับคอยบริการ ซึ่งช่วยเสริมให้การนัดคุยงานครั้งสำคัญน่าประทับใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
5. ไม่มีสัญญาผูกมัด
อีกหนึ่งปัญหาที่หลายบริษัทต้องกลุ้มใจ หลายครั้งย้ายออฟฟิศใหม่แล้วไม่เวิร์ก พอได้ลองไปทำงานที่นั่นกันจริงๆ แล้วหลายอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด แต่ก็ติดสัญญาเป็นปีๆ จึงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หรือบางที่อาจจะมีการเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท พอบริษัทเติบโตขึ้น พนักงานมากขึ้น ก็อยากหาสเปซที่ใหญ่ขึ้น แต่ย้ายไม่ได้เพราะยังไม่หมดสัญญา
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะ Co-working Space ไม่มีสัญญาผูกมัด เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลาค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ กับ 5 ข้อดีของ Co-working Space และตัวอย่างพื้นที่เด็ดๆ ที่พี่กล้วยนำมาฝาก น่าจะทำให้ตัดสินใจกันง่ายขึ้นเนอะ แต่ถ้าใครยังไม่ถูกใจกับสถานที่ที่พี่กล้วยคัดมา ก็สามารถไปเช็คพื้นที่นั่งทำงานทั้งหมดได้ที่ Event Banana รับรองว่าน่าไปนั่งทำงานทุกที่เลยล่ะ
หรือจะไปอ่านรีวิวของเราเพิ่มเติมก็ได้นะ