ถึงแม้การแต่งงานจะเป็นเรื่องชื่นมื่นน่ายินดี แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามีค่าใช้จ่ายเยอะค่ะ พี่กล้วยเห็นหลายคู่ที่เตรียมงานแต่งต้องเครียดกับภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้งในช่วงที่กำลังจะเริ่มก่อร่างสร้างครอบครัวกันแท้ๆ จนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องทะเลาะกันบ่อยๆ กับการเตรียมงานแต่ง ดังนั้นพี่กล้วยจึงมีเคล็ดลับที่จะช่วยเพื่อนๆ ประหยัดงบได้โดยเฉพาะค่าสถานที่ตามนี้เลยค่ะ
- เลือกเดือนจัดงานให้ดี ประหยัดทีได้หลายหมื่น (จองสถานที่แต่งงาน ช่วงเดือนมกราคม - มีนาคมเวิร์คสุด!)
- หลีกเลี่ยงวันเสาร์ หากงานเลิกไม่ดึกมาก
- ชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสียของสถานที่แต่ละประเภท
- รู้จักต่อรองกับทางสถานที่เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
1. เลือกเดือนจัดงานให้ดี ประหยัดทีได้หลายหมื่น
รู้หรือไม่ว่าค่าสถานที่จัดงานแต่งบางที่ ราคาไม่เท่ากันในแต่ละเดือน!
*ความสูงของเค้กหมายถึงจำนวนงานแต่งในแต่ละเดือน
จากข้อมูลจริงที่พี่กล้วยมี จะเห็นได้ว่าการจัดงานแต่งในเดือนพฤศจิกายนจะสูงมากกว่าใครเพื่อน จัดว่าเป็น High Season ของการแต่งงานเลยทีเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่เหมาะสมบรรยากาศดี มีลมเย็นพัดสบายๆ ทำให้คู่บ่าวสาวเลือกจัดงานมงคลช่วงนี้กันส่วนใหญ่ แต่นั่นก็ทำให้โรงแรมหรือสถานที่ต่างๆ มีคิวกันแน่นเอี๊ยด ทำให้เราอาจจะไม่สามารถต่อรองขอส่วนลดใดๆ ได้มากนัก และยังมีโอกาสที่สถานที่จะมีการจัดงานแต่งชนกันหลายงานในวันเดียวกัน ทำให้สถานที่ให้บริการได้ไม่เต็มที่นัก พี่กล้วยจึงไม่แนะนำให้จัดงานแต่งในเดือนนี้เท่าไหร่ค่ะ
ส่วนเดือนธันวาคมที่แม้อัตราการจัดงานจะน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายนมาก แต่เนื่องจากโรงแรมเองก็มีงานอื่นๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ งานเลี้ยงบริษัท งานสังสรรค์ต่างๆเยอะอยู่แล้ว จึงไม่มีแรงจูงใจในการให้ส่วนลดหรือของแถมให้ในช่วงนี้มากนัก อีกทั้งการจองสถานที่ก็ทำได้ลำบากเพราะห้องจัดงานไม่ค่อยว่าง พี่กล้วยก็ไม่อยากแนะนำให้จัดเดือนนี้เหมือนกันค่ะ
เดือนมกราคมไปจนถึงมีนาคมจึงเป็นเดือนที่พี่กล้วยแนะนำให้จองสถานที่แต่งงานในช่วงนี้เลยค่ะ เพราะยังเป็นช่วงที่อากาศดี สามารถจัดงานเอาท์ดอร์ได้สบายๆ อีกทั้งงานแต่งงานในช่วงนี้ค่อนข้างเบาบาง ทำให้สามารถเจรจาต่อรองขอส่วนลดหรือของแถมได้เยอะขึ้น
ในขณะที่ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไปจะไม่ค่อยมีงานแต่งงานมากเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเดือนเมษายนเองเพราะมีเทศกาลสงกรานต์ บางที่ถึงกับออกโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมกันเป็นพิเศษ เพื่อดึงดูดให้คู่บ่าวสาวเลือกจัดงานกันในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วง Low Season ค่ะ และช่วงนี้แหละที่พี่กล้วยแนะนำให้จัดงานแต่ง เพราะสามารถจองสถานที่ที่ถูกใจได้ง่าย มีวันให้เลือกได้เยอะ ทั้งนี้บรรยากาศอาจจะไม่ได้ดีเหมือนช่วงปลายปี แต่เมื่อคิดถึงราคาที่ลดลงไปได้หลายหมื่นหรือเป็นแสน พี่กล้วยว่ามันก็คุ้มอยู่นะคะ
2. หลีกเลี่ยงวันเสาร์ หากงานเลิกไม่ดึกมาก
คนส่วนใหญ่เลือกจัดงานวันเสาร์ หากเลือกจัดงานวันอื่น น่าจะเจรจาต่อรองได้ง่ายขึ้น
*รูปแสดงวันที่คนส่วนใหญ่เลือกจัดงานแต่งงาน
อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจ นั่นก็คือวันเสาร์นั้นมีอัตราการจัดงานเยอะกว่าวันอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มากกว่าวันอาทิตย์เกือบเท่าตัวเลยนะคะ ซึ่งแน่นอนว่าก็เหมือนกับข้อแรก ที่อาจจะทำให้การต่อรองขอของแถมหรือส่วนลดทำได้ไม่มากเท่าไหร่ ฉะนั้นที่พี่กล้วยอยากจะแนะนำก็คือหากบ่าวสาวคู่ไหนไม่มีแพลนจัด After Party หรือมีแค่พิธีเช้า-เย็นเบาๆ มีการจัดซุ้มอาหารภายในงานดูอบอุ่น เลิกงานไม่ดึกนัก อาจจะลองดูเป็นวันอาทิตย์ที่คนจัดงานน้อยกว่า แต่ถ้าหากว่าคิดว่างานเลิกดึกและกังวลว่าแขกที่มาร่วมงานจะตื่นเช้าไปทำงานในวันถัดไปไม่ไหว คืนวันศุกร์ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ ซึ่งพี่กล้วยคิดว่าการเลือกจัดในวันเหล่านี้ ช่วยให้เราขอส่วนลดจากทางสถานที่ได้ง่ายขึ้น ยังไงก็ได้ราคาดีกว่าวันเสาร์ที่คิวล้นแน่ๆ ค่ะ
นอกจากนี้ คู่บ่าวสาวที่ต้องการแค่พิธีเช้า หรือเลิกงานไม่เกินเที่ยง บางโรงแรมมีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะคะ ทั้งนี้ต้องสอบถามโปรโมชันจากสถานที่ก่อนว่าแต่ละที่มีส่วนลดหรือข้อเสนออะไรบ้างค่ะ
3. ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดี-ข้อเสียของสถานที่แต่ละประเภท
เพราะแต่ละสถานที่แต่ละประเภท มีค่าใช้จ่ายแฝงแตกต่างกัน
เดี๋ยวนี้บ่าวสาวหลายคู่มักจะมีตัวเลือกอื่นๆ ในการจัดงานแต่งงานนอกเหนือจากโรงแรม เช่นการปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่เก๋ๆ เพื่อจัดงานส่วนตัว ซึ่งถ้าเราอยากจัดงานในสถานที่เหล่านี้นั้น ต้องระวังว่าอาจจะไม่ได้ถูกกว่าการจัดงานที่โรงแรมเสมอไปโดยเฉพาะร้านอาหารที่มีชื่อเสียง เพราะหากเราจัดงานในช่วงที่เป็น Prime Time (ช่วงที่คนเข้าร้านเยอะเช่น ตอนเย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์) ซึ่งทางร้านอาหารจะคิดราคาเพื่อให้คุ้มการสูญเสียรายได้จากลูกค้าปกติของทางร้าน ในหลายๆ ครั้งอาจจะแพงกว่าการจัดงานที่โรงแรมได้ และยังไม่ได้บริการเสริมอื่นๆ และที่จอดรถที่ทางโรงแรมสามารถให้ได้ด้วย
เพราะฉะนั้นหากเราต้องการจัดงานที่ร้านอาหาร อาจต้องเลือกร้านที่ไม่ได้มีคนเยอะมากนัก หรือพยายามหลีกเลี่ยงช่วง Prime Time ของทางร้าน เช่นถ้าเราต้องการปิดร้านเพื่อจัดงานหมั้นตอนกลางวัน เราอาจดูร้านที่ปกติจะแน่นแค่ตอนเย็น แต่ตอนกลางวันคนน้อย ทางเจ้าของร้านคงยินดีให้เราเช่าในราคาที่ไม่แพงมากนัก
อีกหนึ่งทางเลือกนอกเหนือจากโรงแรมคือหอประชุมหรือสโมสรต่างๆ ซึ่งราคาจะต่ำกว่าโรงแรมมาก แต่มีข้อเสียที่อาจต้องเสียค่าตกแต่งสถานที่เพิ่มขึ้น และระดับการให้บริการอาจจะไม่ได้มืออาชีพเท่ากับการจัดงานที่โรงแรม เราอาจต้องหา Supplier ต่างๆหรือจัดหาเรื่องอาหารเอง ต้องเสียเวลาในการจัดงานเยอะขึ้นแต่ก็อาจจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ลดลงได้
สรุปข้อดี-ข้อเสีย ของโรงแรม, ร้านอาหาร, หอประชุมหรือสโมสร
4. กล้าถาม กล้าเจรจา เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ได้งานแต่งในฝันในราคาตามงบ
ข้อสุดท้ายที่พี่กล้วยจะแนะนำ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ นั่นคือการต่อรองกับสถานที่ เพราะหลายครั้งที่คู่บ่าวสาวไม่เข้าใจว่าค่าเช่าสถานที่ หรือแพกเกจงานแต่งงานสามารถปรับขึ้นลงได้ในแต่ละช่วงของปี ทำให้พลาดโอกาสในการจองสถานที่ดีๆ ในราคาที่เอื้อมถึงไปค่ะ ในความเป็นจริงแล้วค่าสถานที่หรือแพ็คเกจต่างๆ จะมีราคาที่ทางโรงแรมหรือสถานที่ยอมให้ส่วนลดต่างกันไปได้ในแต่ละช่วงของปีค่ะ ในช่วง Low Season (ตามข้อ 1 ข้างบน) โรงแรมอาจลดราคา หรือเพิ่มของแถมให้คู่บ่าวสาวได้เยอะเพื่อจูงใจให้คู่บ่าวสาวจัดงานในช่วงเวลาดังกล่าว สิ่งที่คู่บ่าวสาวต้องทำคือลองขอราคาจากหลายๆ ที่ที่เราสนใจ (ใช้บริการเว็บของพี่กล้วยได้นะ อิอิ) และลองเจรจาต่อรอง หรือแจ้งงบประมาณของเรา บางทีสถานที่อาจจะมีข้อเสนอดีๆ ที่ไม่มีระบุไว้ที่ไหน หรือยอมลดราคาลงมาเพื่อให้ตรงกับงบประมาณที่เรากำหนดไว้ก็ได้ค่ะ
คู่บ่าวสาวสามารถตรวจสอบโปรโมชันงานแต่งงานที่นี่ หรือตามงาน Wedding Fair ต่างๆ ที่แต่ละสถานที่มักจะมีการลดแลกแจกแถมมากมายก็ได้ค่ะ
ทั้ง 4 ข้อล้วนเป็นประสบการณ์ที่พี่กล้วยถามมาจากเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ได้มีการจัดงานมงคลสมรสของตัวเอง ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเทคนิคเหล่านี้ใช้ได้จริง โดยเฉพาะเรื่องการเลือกจัดงานในวันและเวลาที่แตกต่างจากคนอื่น แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ในราคาดีที่สุดนั่นเองค่ะ
ส่วนครั้งหน้าพี่กล้วยจะมี Tips อะไรดีๆ มาฝากกันอีก ก็อย่าลืมติดตาม Eventbanana.com เพื่อรับข่าวสารและเรื่องราวดีๆ อย่างนี้อีกนะคะ
