ในปัจจุบัน คอร์สเวิร์คช็อปหรือการอบรมระยะสั้นเป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยากหางานอดิเรกทำ คนที่ต้องการประกอบอาชีพเสริมจากงานประจำ รวมถึงคนที่อยากได้ความรู้ในสาขาต่างๆ เพราะเป็นความรู้ที่เข้าถึงง่ายและได้ประโยชน์แบบเห็นผลรวดเร็ว รวมถึงเป็นการพักผ่อนในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย
ดังนั้น จึงมีหลายคนที่อยากเปิดคอร์สเวิร์คช็อปหรือสัมนาของตัวเอง เพราะอยากแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองถนัด หรืออยากหารายได้จากความรู้ที่มี แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี วันนี้ Event Banana จึงมี 6 ขั้นตอน ที่จะช่วยให้เปิดคอร์สอบรมได้สำเร็จ
1. มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ต้องการจะถ่ายทอดเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าการที่จะเปิดคอร์สอบรมอะไรได้สักอย่าง ก็ย่อมจำเป็นต้องถนัดในด้านนั้นๆ ก่อนเป็นอันดับแรก และต้องสามารถถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าควรจะแม่นยำในเรื่องพื้นฐานของสิ่งนั้นเป็นอย่างดี
ยกตัวอย่างเช่น อยากเปิดคอร์สสอนทำสบู่แฮนด์เมด ผู้อบรมควรจะทราบว่าวัตถุดิบหรือส่วนผสมตัวใดที่สามารถทำให้สบู่ขึ้นรูปและคงตัวเป็นก้อนได้ ซึ่งหากเราเข้าใจในส่วนนี้ การอธิบายให้คนอื่นฟังก็ไม่ใช่เรื่องยาก
2. ควรมีผลงานที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมเวิร์คช็อปทราบว่าจะได้รู้เรื่องอะไรจากผู้อบรมหรือวิทยากรบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดสวยๆ สำหรับเวิร์คช็อปสายงานฝีมือ หรือผลงานภาพประกอบต่างๆ ของคนที่อยากเปิดคอร์สวาดรูปเล็กๆ ส่วนในกรณีที่เป็นคอร์สบรรยายก็อาจจะต้องยกประสบการณ์มาพูดถึงว่าเคยผ่านอะไรมาบ้าง อย่างงานเขียนในแฟนเพจที่มีคนติดตามหลักหมื่น หรือผลงานการลงทุนในตลาดหุ้น (พอร์ตหุ้น) ซึ่งผลงานเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ที่เข้าร่วมเวิร์คช็อปของเราว่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือไปจริงๆ
3. ระยะเวลาเวิร์กช็อปไม่ควรเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลานานเกิน 1-2 วัน
โดยเฉพาะผู้อบรมมือใหม่ที่ยังไม่เก่งเรื่องการพูดหรือการสอนเท่าไหร่ คอร์สระยะสั้น 1-2 วัน จึงเหมาะที่สุดสำหรับทั้งวิทยากรและผู้เข้าร่วม ทั้งนี้ หลายคนก็สะดวกเข้าร่วมกิจกรรมแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุด หากมากเกินกว่านี้ก็อาจจะไม่สามารถมาเวิร์คช็อปทุกวันได้ แต่หากว่าเป็นการอบรมแบบสัปดาห์ละวัน ก็อาจจะทำให้คนลืมเนื้อหาไปได้เหมือนกัน หลายคนเองก็เลือกพิจารณาวันและเวลาในการอบรมเป็นอันดับแรก ก่อนเนื้อหาที่สนใจอีก และแน่นอนว่าควรจะเตรียมแผนการสอนที่เหมาะสมในระยะเวลาเท่านี้ด้วย
4. เลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับคอร์ส วิทยากร และผู้เข้าร่วม
หากมีวิทยากรแค่คนเดียว ผู้เข้าร่วม 8-15 คนก็ดูเป็นจำนวนที่สามารถดูแลได้ทั่วถึงพอดี และผู้เข้าร่วมยังสามารถซักถามตลอดคอร์สอบรมได้อย่างไม่อึดอัด ซึ่งก็ควรจะเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับจำนวนคนกลุ่มเล็กๆ เพราะจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของสถานที่ไปได้เยอะมาก แต่หากมีผู้ช่วยหรือทีมงานก็อาจจะรับผู้เข้าร่วมอบรมได้มากขึ้น ซึ่งก็ไม่ควรแออัดเกินไปด้วย
สำหรับคอร์สอบรมที่เน้นการบรรยาย จะเลือกสถานแบบห้องประชุม หรือ Coworking space ก็ได้ แต่ควรจะเป็นสัดส่วนหรือพื้นที่ปิดสักหน่อย เพราะต้องเน้นให้ผู้เข้าร่วมสนใจที่วิทยากรเป็นหลัก แต่ในกรณีที่เป็นเวิร์คช็อปเน้นปฏิบัติ ควรจะต้องหาสถานที่ที่รองรับการใช้งานลักษณะนี้ได้ อาจจะเป็นสตูดิโอ หรือแม้แต่ Coworking space บางแห่งก็รองรับด้วยเช่นกัน
5. ไม่ควรมองข้ามเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม
คอร์สส่วนใหญ่มักใช้เวลาทั้งวันหรือค่อนวัน หากมีเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ ก็จะช่วยให้หัวแล่นและเรียนรู้ได้มากขึ้น และยังดึงให้ผู้เข้าร่วมคอร์สอยู่จนจบกิจกรรมไม่หนีกลับไปเสียก่อน
อาจจะเลือกเป็นอาหารว่างที่รับประทานง่ายอย่างเบเกอรี่หรือแซนด์วิชในช่วงพักเบรกก็ได้ ทั้งนี้ควรมีอาหารที่หลากหลายสำหรับผู้ที่แพ้อาหารหรือรับประทานมังสวิรัติด้วย เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมประทับใจและอยากกลับมาเข้าคอร์สของเราอีก
6. ตั้งราคาให้ครอบคลุม
แน่นอนว่าการเปิดคอร์สเวิร์คช็อปแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงอาหารว่างและเครื่องดื่มด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือ ต้องมีค่าความรู้ของผู้บรรยายหรือวิทยากร แม้ว่าจะจัดแบบส่วนตัวก็ต้องให้ค่าเหนื่อยตัวเองบ้าง จะได้มีแรงในการเปิดคอร์สถัดๆ ไป และอย่าลืมโปรโมทให้ตรงกลุ่มเป้าหมายด้วย
ตัวอย่างงานอบรมและเวิร์กช็อปที่ผู้คนสนใจ
- คอร์สงานฝีมือต่างๆ เช่น การอบขนมรับประทานเองในบ้าน, การสร้างแพทเทิร์นสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าใส่เอง เป็นต้น- คอร์สบรรยาย เช่น สอนเล่นหุ้นเบื้องต้น, คอร์สสอนเขียนบล็อก-เฟซบุ๊คเพจ
- คอร์สสำหรับการทำกิจกรรมเป็นครอบครัว เช่น คอร์สวาดภาพสำหรับเด็ก, โยคะสำหรับเด็ก เป็นต้น
- คอร์สความรู้เรื่องไอที เช่น กราฟิกง่ายๆ ด้วยตัวเอง, สร้างเว็บไซต์ของตัวเอง
ตัวอย่างสถานที่สวยๆ สำหรับจัดเวิร์คช็อปย่านใจกลางเมืองที่เดินทางง่าย
Event Banana Space - สยามสแควร์วัน (BTS สยาม)
พื้นที่จัดงานราคาดีที่สุดในย่านสยาม อยู่บนสยามสแควร์วันนี่เอง หาง่ายสุดๆ แถมดีไซน์ก็ทันสมัย งานไหนที่เป็นสไตล์คนรุ่นใหม่อย่างเช่น เวิร์คช็อปเกี่ยวกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง หรือเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพก็จัดว่าเหมาะมากๆ โดยที่นี่มีถึง 5 ห้องสำหรับจัดงาน ทั้งห้องขนาดใหญ่จุ 50 คน ไปจนถึงห้องประชุมสำหรับจัดเวิร์คช็อปเล็กๆ